งานหัตถกรรมดั้งเดิม|กาน้ำชาเซี่ยซา (紫砂壶)
กาน้ำชาเซี่ยซาเริ่มปรากฏครั้งแรกในเมืองอี๋ซิง มณฑลเจียงซู ประเทศจีน พื้นที่นี้มีชื่อเสียงจากการมีดินเซี่ยซาที่อุดมสมบูรณ์ จุดเด่นอยู่ที่การใช้ดินเซี่ยซาซึ่งมีเฉพาะท้องถิ่น ทำให้เนื้อดินละเอียด ทนความร้อนสูง และมีความโปร่งอากาศที่ดี
ต้นกำเนิดและพัฒนาการของกาน้ำชาเซี่ยซา:
ราชวงศ์ซ่ง (ค.ศ. 960–1279): การทำกาน้ำชาเซี่ยซาเริ่มขึ้นในช่วงนี้ ลักษณะของกายังเรียบง่าย ใช้ในชีวิตประจำวันเป็นหลัก
ราชวงศ์หมิง (ค.ศ. 1368–1644): ฝีมือการทำกามีพัฒนาการก้าวหน้า ได้รับความนิยมจากบัณฑิตและกวี การออกแบบและฝีมือช่างมีการยกระดับอย่างชัดเจน
ราชวงศ์ชิง (ค.ศ. 1644–1911): เป็นยุครุ่งเรืองสูงสุด โดยเฉพาะในรัชสมัยคังซี ยงเจิ้ง และเฉียนหลง กาน้ำชาเซี่ยซามีทั้งคุณค่าด้านศิลปะและการใช้งานสูงสุด
กระบวนการผลิตกาน้ำชาเซี่ยซา:
คัดเลือกดิน: ใช้ดินเซี่ยซาคุณภาพสูงซึ่งมีแร่เหล็กมากและโปร่งอากาศดี
นวดดิน: ผสมและนวดดินให้ได้ความนุ่มและเนื้อที่เหมาะสำหรับทำกา
การขึ้นรูป: ปั้นตามแบบด้วยมือหรือวิธีการขึ้นรูปต่าง ๆ
การแกะสลัก: ตกแต่งลวดลายเมื่อเนื้อดินยังไม่แห้งสนิท
การตาก: วางไว้ให้แห้งตามธรรมชาติก่อนเผา
การเผา: เผาที่อุณหภูมิสูงประมาณ 1100°C–1200°C
การขัดและตรวจสอบ: หลังเผาแล้วจะขัดแต่งให้เรียบเนียน ตรวจสอบคุณภาพและความงาม
คุณลักษณะเด่น:
วัสดุพิเศษ: ทำจากดินเซี่ยซาในอี๋ซิงซึ่งมีธาตุเหล็กสูง เนื้อดินละเอียด โปร่งอากาศและดูดซึมน้ำได้ดี ขณะชงชาจะช่วยปรับสมดุลกรด–ด่าง ทำให้ดื่มแล้วเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย
การระบายอากาศ: เนื้อดินมีรูพรุน โปร่งอากาศ ทำให้ใบชาระหว่างชงสามารถ “หายใจ” ได้ดี กลิ่นและรสชาติจึงถูกปลดปล่อยอย่างเต็มที่
การเก็บความร้อน: มีคุณสมบัติรักษาอุณหภูมิได้ดี ทำให้ใบชาถูกแช่ในน้ำร้อนที่เหมาะสมได้นานขึ้น และรสชาติยิ่งกลมกล่อม
ไม่ดูดซับกลิ่น: ผิวด้านในไม่ดูดซับรสหรือกลิ่นของชา ทำให้สามารถใช้ชงชาได้หลายชนิด โดยรสชาติไม่ปะปนกัน
